ประเภทของม่านที่เรา SB Home Design มี
ประเภทของผ้าม่านที่เรา SB Home Design มี
1. ม่านจีบ (Pleat Design)
รูปแบบดีไซน์ที่ยังคงเป็นที่นิยม อย่างต่อเนื่องตลอดมา กับลักษณะเฉพาะตัวอันเก๋ไก๋กับด้านบนของผ้าม่านที่จับจีบเป็นช่วงๆ ในระยะห่างที่เท่ากันทุกจีบ แลดูสวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อย จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับการตกแต่งบ้านที่ต้องการความคลาสสิคและเรียบงานในขณะเดียวกัน
2 ม่านจีบโชว์ราง (Curtain-Ring Heading Pattern)
เป็นม่านจีบที่ใช้ตะขอเกี่ยวกับห่วงของรางม่าน และเน้นโชว์รางม่านเพื่อให้เห็นดีไซน์ของรางม่านรูปแบบต่างๆ และเพิ่มความโดดเด่นให้กับสถานที่
3. ม่านจีบบังราง (Hidden-Curtain Rail Pattern)
เป็นดีไซน์ดั้งเดิมที่ไม่เน้นโชว์รางม่าน ซึ่งใช้ได้กับรางม่านธรรมดาทั่วไปที่มีลูกล้อในการช่วยเปิดปิดม่านและสามารถใช้มือ เชือก หรือด้ามจูงในการเปิดปิดม่านได้อย่างสะดวก
4. ม่านคอกระเช้า (Loops Design)
รูปแบบที่นำผ้าที่สีเหมือนหรือแตกต่างกันกับตัวผ้าม่าน มาทำเป็นห่วงของม่านที่ด้านบน ซึ่งดีไซน์แตกต่างกันไปเช่น แบบโค้ง แบบเหลี่ยม กับระยะความสูงของคอม่านที่แตกต่างกันไป เพื่อใช้คล้องกับรางม่าน ซึ่งสไตล์เรียบง่าย แลดูสบายตา และสวยงามเป็นอย่างมากกับตัวม่านที่มีส่วนประกอบที่เป็นผ้าทั้งหมด สามารถเพิ่มความเก๋ไก๋ ด้วยการเย็บติดกระดุม หรือผูกโบว์ที่ด้านบนของตัวม่านช่วยให้ผ้าม่านมีความสะดุดตา น่ารัก และชวนมองด้วย
5. ม่านห่วงตาไก่ (Eyelet Design)
เป็นรูปแบบที่ไม่ตกยุคและร่วมสมัย โดยสร้างสรรค์ลอนผ้าม่านเข้ากับห่วงตาไก่ที่ยึดติดกับผ้าม่าน ในลักษณะสลับไปมากับการ เว้นระยะของห่วงตาไก่ที่เท่ากันทุกช่วง พร้อมคลิปจัดระยะ เพื่อให้ผ้าม่านเป็นลอนคลื่นสวยงาม และสามารถเลือกใช้ผ้าม่านได้หลากหลายสไตล์ทั้งผ้าม่านพิมพ์ลายดอกที่มีความโดดเด่นอยู่ในตัว ทำให้บ้านของคุณไม่เรียบง่ายจนเกินไป และเพื่อเพิ่มความเก๋ไก๋ อาจจะใช้ผ้าโปร่งทำบานหน้าต่างในบ้านเพื่อให้บ้านดูมีสไตล์ โปร่งโล่ง และน่ามองยิ่งขึ้น
6. ม่านน้ำตก (Austrain Design)
เป็นม่านที่เน้นความสวยงาม ดูสบายตา โอ่อ่า ให้กับบริเวณห้องรับแขก หรือที่มีหน้าต่างสูง หรือ โถงบันไดในบ้านให้ดูสวยเด่น ไม่จำเจ และออกแบบมาเพื่อเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับบ้าน เพื่อสร้างความสะดุดตาให้กับแขกผู้มาเยือน ลักษณะของม่านแบบนี้เป็นรูปแบบคล้ายๆ ชั้นน้ำตก ตามชื่อเรียกของม่าน
7. ม่านกระโปรง (Skirt Design)
เพิ่มลูกเล่นให้กับม่านจีบทั่วไปด้วยกระโปรงตกแต่งชายล่างให้สวยงามด้วยชายครุยหรือทำเป็นระบายรูปแบบต่างๆ ขนาดสั้น ติดทับเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง ช่วยให้ผ้าม่านดูแปลกตา สวยงาม มีเอลักษณ์ไปอีกแบบ
8. ม่านรูปพัด (Fantail Roman Shade Design)
เป็นการดัดแปลงชายล่างของม่านพับทั่วไปให้เป็นรูปครึ่งวงกลม เพื่อเพิ่มความโดดเด่น ด้วยริ้วผ้าที่มีลักษณะคล้ายใบพัดเหมาะกับหน้าต่างที่มีลักษณะโค้งมนหรือหน้าต่างมาตรฐาน ให้ดูดียิ่งขึ้น
9. ม่านพับ (Roman Blinds)
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความทันสมัย สะดวกสบาย และอินเทรนด์ ไม่ตกยุค ด้วยเอกลักษณ์ของม่านชนิดนี้จะเป็นชั้นพับซ้อนกัน ใช้การดึงม่านเปิดขึ้นรับแสงแดดหรือแสงสว่างจากภายนอก อรรถประโยชน์ที่แท้จริงของม่านพับ นอกจากจะป้องกันแสงแดดจากภายนอกแล้ว ยังเพิ่มความโดเด่นให้มุมโปรดในบ้านไม่ว่าจะเป็นห้องรับแขก ห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือมุมเอนกประสงค์ของคุณให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น เป็นม่านที่ง่ายต่อการใช้งานและทำความสะอาด จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ม่านพับยังมีลูกเล่นหลากหลาย เช่น การกุ๊นขอบ กุ๊นกลาง ติดชายครุยส์ ผูกโบว์ หรืออื่นๆ ได้ตามความต้องการ
10. ม่านแป๊ป (Rod-Pocket Design)
สำหรับผู้ที่มีรสนิยมการตกแต่งบ้านให้มีความคลาสสิคและเรียบง่าย ซึ่งม่านแป๊ปจะเป็นการนำผ้ามาเย็บแป๊ปเป็นช่องว่างเพื่อสอดรางม่านและจัดเป็นจีบที่สวยงามได้ระยะพอเหมาะและสามารถรวบเก็บไว้ด้านข้าง เมื่อต้องการเปิดรับแสงจากภายนอก และเมื่อปล่อยผ้าม่านจะช่วยบังแสงภายนอกและยังชื่นชมความงามของลายผ้าเต็มผืนอีกด้วย
11. ม่านหลุยส์ (Louise Design)
ลักษณะของม่านหลุยส์จะแสดงถึงความหรูหรา ประณีต และรสนิยมของเจ้าของบ้านที่มีระดับ เหมาะสำหรับสถานที่ ที่ต้องการความเป็นทางการ สวยงามและอลังการ เช่น ห้องประชุม ห้องรับแขก เวทีการแสดงขนาดใหญ่ ที่มีการจัดกิจกรรมพิเศษ หรือต้อนรับแขกผู้ทรงเกียรติในวาระต่างๆ สไตล์ของม่านหลุยส์สามารถเลือกผ้าได้หลากหลายเช่น ผ้าม่านทึบเนื้อดี ลวดลาย สีสันสวยงามและผ้าโปร่งแสนหวาน กับการเพิ่มชายครุยเย็บติดที่ชายผ้าบริเวณต่างๆ เพื่อเพิ่มความมีเสน่ห์ให้กับม่านหลุยส์ยิ่งขึ้น
12. ม่านล้านนา (Lanna Style)